มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองครบ 60 ปี

By / 4 years ago / News / No Comments
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองครบ 60 ปี

ด้วยความมุ่งมั่น ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและสังคมไทยอย่างไม่หยุดยั้ง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยจัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนในโอกาสการดำเนินธุรกิจครบ 60 ปีในประเทศไทยแถลงขอบคุณลูกค้าในประเทศไทยสำหรับการสนับสนุนมาตลอด 6 ทศวรรษพร้อมเปิดตัวรถยนต์โมเดลรุ่นพิเศษ ‘Special Edition’ และสีพิเศษภายใต้ ‘Passion Red Edition’ โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งตอบแทนแก่ชุมชนยืนยันความมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่      ผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องพร้อมกับนำเสนอแผนการลงทุนและสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในอนาคต  

มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวในงาน60 ปี      มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย และความมุ่งมั่นเพื่อสังคมไทยว่ามิตซูบิชิมอเตอร์สเริ่มต้นการผลิตรถยนต์         ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี.. 2460จวบจนปัจจุบันเป็นเวลา104ปีหลังจากนั้นได้เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย   ในปี.. 2504 โดยวางรากฐานให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกตลอดระยะเวลา 60ปีที่ผ่านมามิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆให้กับประเทศผ่าน 7 แกนหลักสำคัญได้แก่การจ้างงานการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์การลงทุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีการส่งออกการช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อมและในปี.. 2507เราเริ่มผลิตรถยนต์ในประเทศไทยต่อมาในปี.. 2535เราเริ่มการผลิตรถยนต์ที่โรงงาน1แหลมฉบังปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง424,000คันต่อปีถือเป็นศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาศูนย์การผลิตของมิตซูบิชิมอเตอร์สคอร์ปอเรชั่นทั่วโลก”  

ยิ่งไปกว่านั้นมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นรายแรกตั้งแต่ปี.. 2531 จวบจนปัจจุบันเรามียอดการส่งออกสะสมครบ4.4 ล้านคัน และส่งไปจำหน่ายทั่วโลกกว่า 120 ประเทศล่าสุดเรามีความยินดีที่จะประกาศว่าเราได้บันทึกอีกก้าวสำคัญด้วยการผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ครบ 6 ล้านคันในประเทศไทย ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการสนับสนุนของลูกค้าซัพพลายเออร์เพื่อนสื่อมวลชนและรัฐบาลไทยผมขอใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี”  

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ และบริการหลังการขาย บริษัท  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่าตลอดระยะเวลา60 ปีของการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิมอเตอร์สในประเทศไทยมีรถยนต์มิตซูบิชิวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า1.7 ล้านคันเรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่มีผู้ให้การสนับสนุนมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจของเรารวมถึงรัฐบาลไทยและนโยบายต่างๆที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจของเราและเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและส่งความสุขให้แก่คนไทยทุกคนเราได้จัดกิจกรรมพิเศษมากมายตลอดปีเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีนอกเหนือจากแคมเปญมิตซูบิชิมอเตอร์สในประเทศไทยฉลอง 60 ปีแจก 60 ล้านเราจะเปิดตัวรถยนต์โมเดลพิเศษ’ และรถยนต์รุ่นพิเศษพร้อมคอนเซ็ปต์สีแดง ‘Passion Red Edition’ ” พร้อมบริจาคเงินจากยอดขายของรถยนต์รุ่นดังกล่าว

รถยนต์สีแดงพิเศษ3รุ่นแรกที่เปิดตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Passion Red Edition’ ประกอบด้วยมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ ซึ่งจะมีเฉดสีแดงแตกต่างกันไปมิตซูบิชิปาเจโรสปอร์ต รถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมพร้อมสีใหม่แดง Meduim Red แสดงถึงความมุ่งมั่นของลูกค้าที่จะไปถึงยังจุดหมายที่ไม่มีใครไปถึงและได้สัมผัสประสบการณ์และความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อคนที่รักมิตซูบิชิแอททราจและมิตซูบิชิมิราจทั้งสองรุ่นพิเศษมาพร้อมสีแดง Red Metallic และหลังคาดำพร้อมการตกแต่งพิเศษในรุ่น ‘Special Edition’ เพื่อยกระดับความมีสไตล์และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในเมืองที่มองหาแรงบันดาลใจเพื่อทุกความสำเร็จในชีวิต

ที่มาของการเลือกใช้สีแดงเนื่องมาจากสีแดงคือสีที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมิตซูบิชิมอเตอร์สเป็นสีของโลโก้ประจำแบรนด์อีกทั้งยังเป็นสีแห่งตำนานเจ้าสนามอย่างมิตซูบิชิปาเจโร ด้วยชัยชนะถึง 12 ครั้ง  จากสนามแข่งแรลลี่สุดหฤโหดระดับโลก อย่าง ปารีส-ดาการ์ และเป็นสีของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน        เจ้าแห่งสนาม เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ และจากตำนานบัลลังก์แชมเปียนเหล่านี้ ทำให้สีแดง เป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะที่ทรงพลังเพื่อให้โลกได้จดจำ สีแดงจึงเป็นสี  ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนความพึงพอใจและความมุ่งมั่น  สู่ความสำเร็จให้แก่ลูกค้าพร้อมกับมุ่งตอบแทนสังคมและสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนไปพร้อมๆกันด้วย 

นอกจากนี้มิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยยังจะเผยโฉมมิตซูบิชิ ไทรทันรักกิจ เอดิชั่นรถกระบะรุ่นพิเศษที่เปี่ยมด้วยสีสันสะดุดตาเพื่อฉลองครบ 60 ปีซึ่งรถกระบะรุ่นพิเศษนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยและคุณรักกิจควรหาเวชศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดัง ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ศิลปะแนวเรขาคณิตที่มีสไตล์เฉพาะตัว มีความแน่วแน่ในการสร้างสรรค์สไตล์ที่เป็นของตนเองความไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้และลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆทำให้วันนี้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดังแถวหน้าในระดับโลก เรื่องราวของคุณรักกิจ สะท้อนภาพความมุ่งมั่นและยืนหยัดต่อการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ผลงานกราฟิกที่เต็มไปด้วยสีสันถ่ายทอดมาสู่รถยนต์ที่ทรงพลังอย่างมิตซูบิชิ ไทรทัน ได้แรงบันดาลใจมาจากเทพเจ้าไทรทัน เทพแห่งท้องทะเล เกิดเป็นผลงานชื่อ “THE GREAT TRITON” สัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นของการสร้างสไตล์ในแบบของตัวเอง รถกระบะรุ่นพิเศษนี้ จะเผยโฉมให้ชมอย่างเป็นทางการที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 นี้

“เรารู้สึกภูมิใจที่คุณรักกิจได้มาร่วมสร้างผลงานศิลปะสุดพิเศษให้กับมิตซูบิชิ ไทรทัน การให้การสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานของคุณรักกิจและศิลปินชาวไทยท่านอื่นๆ สะท้อนถึงแนวคิดเรื่อง “Drive Your Ambition” ของเรา ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมุ่งมั่นและฝ่าฟันไปสู่ความสำเร็จ  มร. โคอิโตะ กล่าวสรุป

และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณลูกค้าชาวไทยและตอบแทนสังคมไทยมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทย  ยังประกาศเปิดตัวโครงการเพื่อสังคมที่ให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการได้โดยเมื่อซึ้อรถยนต์มิตซูบิชิ      ปาเจโร สปอร์ต สีแดง Medium Red มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะร่วมบริจาคเงิน 5,000 บาท ต่อคัน           และ 2,000บาทต่อคันเมื่อซื้อรถยนต์รุ่นพิเศษ3 รุ่นได้แก่มิตซูบิชิแอททราจและมิตซูบิชิมิราจรุ่น ‘Special Edition’ และมิตซูบิชิไทรทัน ‘รักกิจเอดิชั่น’ ตั้งแต่ 22 มีนาคม จนถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมด จะถูกนำไปบริจาค เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนใน3ด้านตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยได้แก่สิ่งแวดล้อมสุขภาพและชีวอนามัยและการศึกษาและจริยธรรม

สำหรับก้าวต่อไปจากนี้แผนธุรกิจระยะกลาง3ปีของมิตซูบิชิมอเตอร์สคอร์ปอเรชั่นจะยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยอีกทั้งยังคงมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจของไทยและศักยภาพการเติบโตของเศษฐกิจในประเทศมีรายงานความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยอย่างต่อเนื่องหนึ่งในนั้นคือการเปิดโรงพ่นสีแห่งใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างในส่วนอาคารไปเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วกำหนดแล้วเสร็จและเปิดทำการภายในปลายปี 2564 

และเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับนโยบายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยมีการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมา ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยที่แหลมฉบัง

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มาช่วยตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ผลิตและเปิดตัวรถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โมเดลล่าสุด โมเดลเดียวของเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ในประเทศไทย ในปี 2563 และเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย  ในปี พ.ศ. 2563 จำหน่ายแล้วในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากถึง 270,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปี 2563 ที่ผ่านมา รวมถึงยังเป็นรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในตลาดยุโรปในปี 2563 อีกด้วย และเพื่อก้าวสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ   จากการศึกษาการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment – LCA) ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พบว่า ตราบจนปัจจุบัน รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณาปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์   ไม่เฉพาะจากปลายท่อไอเสียรถยนต์แต่หมายรวมถึงทั้งกระบวนการการผลิตทั้งหมดทั้งจากการผลิตกระแสไฟฟ้าและจากกระบวนการการผลิตรถยนต์อีกด้วย

มิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทย ยังมีแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อให้เข้าถึงผู้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นและในเดือนมีนาคมนี้ เราจะมีผู้จำหน่ายทั้งหมดครบ240แห่งครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยและมีเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 250 แห่งภายในปี 2564 เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าโดยในปี 2563 บริษัทฯคว้า 3 รางวัลจากทั้งหมด 4 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม (TAQA) นอกจากการเพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายบริษัทฯ          ยังรักษามาตรฐานความเป็นเลิศและการมีบุคลากรที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน

อีกหนึ่งด้านที่บริษัทฯให้ความสำคัญคือการมีส่วนร่วมกับลูกค้าด้วยการดำเนินกิจกรรมการตลาด        ต่างที่เข้าถึงลูกค้าในระดับชุมชนและท้องถิ่นผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายสำหรับบริการหลังการขายรถยนต์ทุกรุ่นของมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทยมาพร้อมกับความมั่นใจในคุณภาพและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมของบริการหลังการขายภายใต้สโลแกน‘เราดูแล คุณแค่ขับ’ดูแลลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพอะไหล่แท้การบริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนอบรมเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้รับแพ็คเกจบริการหลังการขาย ‘Mitsubishi Service Package’ ได้แก่ฟรีค่าบริการเช็คระยะ 5 ปีและฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปีบริษัทฯยังยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายด้วยการมอบการรับประกัน 5 ปีและฟรีค่าแรง 5 ปีให้เป็นการรับประกันมาตรฐานพร้อมกับโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Warranty Plus นานสูงสุดรวม 7 ปีช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถยนต์มิตซูบิชิที่มาพร้อมการบริการที่ไว้วางใจได้และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและมีราคาขายต่อน่าพึงพอใจ

บริษัทฯ จะยังสานต่อแนวคิดระดับโลก ‘Drive Your Ambition’ ที่จะมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความโดดเด่น มั่นใจ ผสมผสานจิตวิญญาณของการผจญภัยและมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่จุดหมายแห่งความสำเร็จ