ตลาดรถยนต์กรกฎาคมชะลอตัว

By / 3 years ago / News / No Comments
ตลาดรถยนต์กรกฎาคมชะลอตัว

ยอดขายรวม 52,442 คัน ลดลง 11.6%

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2564 ชะลอตัวทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 52,442 คัน ลดลง 11.6%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 16,689 คัน ลดลง 9.8% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 35,753 คัน ลดลง 12.4% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 27,816 คัน ลดลง 15%

ประเด็นสำคัญ 

ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2564 มีปริมาณการขาย 52,442 คัน ลดลง 11.6% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 9.8% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกที่ 3 และ 4 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และการระบาดของสายพันธุ์ Delta ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จึงมีมาตรการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจากเดิมจาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การดำเนินธุรกิจของประชาชน และมีส่วนทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจซื้อสิ้นค้าทุกประเภทที่ยังไม่ความจำเป็น

  ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคมมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากความกังวลต่อการระบาดของไวรัส COVID-19 ในระลอกที่ 4 รวมทั้งการออกมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 21.00 – 04.00 น. เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ต้องชะลอ หรือเลื่อนกำหนดการออกไป รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลง และการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ล่าช้าส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัว และขาดแรงกระตุ้นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในอนาคตอันสั้น

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2564

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 52,442 คัน ลดลง 11.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,040 คัน ลดลง         2.9%         ส่วนแบ่งตลาด 32.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,680 คัน ลดลง        11.6%         ส่วนแบ่งตลาด 26.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 6,958 คัน เพิ่มขึ้น      15.3% ส่วนแบ่งตลาด 13.3%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 16,689 คัน ลดลง 9.8%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า  6,065 คัน เพิ่มขึ้น      16.3%   ส่วนแบ่งตลาด 36.3% อันดับที่ 2 โตโยต้า 4,467 คัน ลดลง       11.4%         ส่วนแบ่งตลาด 26.8%

อันดับที่ 3 มาสด้า 1,278 คัน ลดลง       32.9%         ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 35,753 คัน ลดลง 12.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,680 คัน ลดลง       11.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%
 
อันดับที่ 2 โตโยต้า
12,565 คัน เพิ่มขึ้น       0.4% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,121คัน ลดลง        8.4% ส่วนแบ่งตลาด  5.9%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 27,816 คัน ลดลง 15%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 12,401 คัน ลดลง     13.4% ส่วนแบ่งตลาด 44.6%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,563 คัน เพิ่มขึ้น     1.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.0%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,121 คัน ลดลง      8.4% ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,695 คัน 

โตโยต้า 1,103 คัน – อีซูซุ943 คัน – มิตซูบิชิ394 คัน – ฟอร์ด 229  คัน – นิสสัน 26 คัน

 ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 25,121 คัน ลดลง 15.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 11,458 คัน ลดลง       17.0% ส่วนแบ่งตลาด 45.6%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,460 คัน ลดลง        0.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,892 คัน เพิ่มขึ้น      0.1% ส่วนแบ่งตลาด  7.5%               

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2564

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 425,633 คัน เพิ่มขึ้น 9.7%                            

อันดับที่ 1 โตโยต้า 134,225 คัน เพิ่มขึ้น       20.1% ส่วนแบ่งตลาด 31.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 106,845 คัน เพิ่มขึ้น       16.7%       ส่วนแบ่งตลาด 25.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 49,673 คัน เพิ่มขึ้น         4.9% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 137,040 คัน ลดลง 0.9%                                 

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 42,651 คัน เพิ่มขึ้น       7.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 34,170 คัน ลดลง        2.3% ส่วนแบ่งตลาด 24.9%

อันดับที่ 3 นิสสัน 12,546 คัน ลดลง       15.1% ส่วนแบ่งตลาด  9.2%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 288,593 คัน เพิ่มขึ้น 15.6%                            

อันดับที่ 1 อีซูซุ 106,845 คัน เพิ่มขึ้น     16.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 99,981 คัน เพิ่มขึ้น     30.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 18,417 คัน เพิ่มขึ้น     33.1% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 224,750 คัน เพิ่มขึ้น 12.9%                            

อันดับที่ 1 อีซูซุ 97,422 คัน เพิ่มขึ้น      31.3% ส่วนแบ่งตลาด 43.3%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 84,704 คัน เพิ่มขึ้น      22.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 18,417 คัน เพิ่มขึ้น      38.6% ส่วนแบ่งตลาด  8.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 30,637 คัน 

โตโยต้า 13,411 คัน – อีซูซุ10,335 คัน – มิตซูบิชิ3,926 คัน – ฟอร์ด 3,926 คัน – นิสสัน 199 คัน

 ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 194,114 คัน เพิ่มขึ้น 8.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 87,087 คัน เพิ่มขึ้น        7.0% ส่วนแบ่งตลาด 44.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 71,293 คัน เพิ่มขึ้น      20.6% ส่วนแบ่งตลาด 36.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 15,652 คัน เพิ่มขึ้น      38.4% ส่วนแบ่งตลาด  8.1%