และการศึกษาในประเทศไทย

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญในประเทศไทยพร้อมด้วยความร่วมมือจากเอเวอร์เวฟ พันธมิตรองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมของมูลนิธิเบนท์ลีย์ โดยภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมและโครงการเพื่อการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่ดำเนินการโดยเอเวอร์เวฟด้วยความร่วมมือจาก มูลนิธิอาวดี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและมูลนิธิเฟอร์รีปอร์เช่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยกำจัดขยะพลาสติกในแม่น้ำสายหลักและสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการบำบัดและการกำจัดของเสียในแหล่งน้ำ

สำหรับการสนับสนุนของเบนท์ลีย์ในโครงการเอเวอร์เวฟในประเทศไทยได้มุ่งเน้นไปที่การดูแลรักษาแหล่งน้ำ แม่น้ำ ลำธาร และทะเลจากขยะพลาสติก โดยการใช้เรือเก็บขยะอัจฉริยะที่ติดตั้งเทคโนโลยี AI พร้อมด้วยโดรน กล้อง และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้เอเวอร์เวฟสามารถค้นหาขยะพลาสติก จัดเก็บ และขนส่งเศษสิ่งปฏิกูลน้ำหนักกว่า 20 ตันต่อเดือนจากแม่น้ำเจ้าพระยาสู่ขั้นตอนการคัดแยกขยะและแปรรูปโดยมูลนิธิ TerraCycle Global

ในส่วนโครงการด้านการศึกษาในกรุงเทพฯจะเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนครั้งสำคัญเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในหมู่เด็กๆ ในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการริเริ่มของโครงการจะมุ่งเน้นไปที่ ‘การเรียนรู้จากการลงมือทำ’ โดยเด็กๆ จะได้มีส่วนร่วมในการช่วยจัดเก็บขยะในคลองภาษีเจริญที่ไหลลงสู่อ่าวไทย พร้อมกับการนำเศษสิ่งปฏิกูลกว่า 385 ตันออกสู่ทะเลในทุกๆปี ซึ่งมีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันตก 25 กิโลเมตร

มูลนิธิเบนท์ลีย์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Bentley Environmental Foundation) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 มูลนิธิฯ ถือเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ Beyond100 ที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืนระดับสากลในระยะยาว ซึ่งประกอบด้วยหลากหลายโครงการที่ส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

นอกจากนี้ เอเอเอสฯ ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ยังได้เดินหน้าองค์กรแห่งความยั่งยืนด้วยการขานรับนโยบาย ‘ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง’ ของกรุงเทพมหานคร กับโครงการ ‘AAS CARE THE AIR’ ปลูกด้วยรักษ์ ให้อากาศไร้มลภาวะ ผ่านการมอบไม้ยืนต้นขนาดกลาง ดินพร้อมปลูก และไม้ค้ำยันให้แก่ “สำนักงานเขตดอนเมือง” และ “สำนักงานเขตสวนหลวง” พร้อมร่วมกันปลูกต้นไม้บริเวณริมถนน Local Road ในเขตพื้นที่เขตดอนเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ได้ตอกย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่งของ บริษัทฯ ในแง่ของการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมและการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสภาวะโลกร้อน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครสีเขียวที่น่าอยู่สำหรับทุกคน