ฮอนด้า เปิดตัว “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” ซิตี้คาร์ยอดนิยม ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยดีไซน์ใหม่
มาพร้อม 2 ขุมพลัง ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV พร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่
ซิตี้คาร์ยอดนิยม คำตอบของความสมบูรณ์แบบในวันนี้ ยกระดับความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคันโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ กับขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่มีประสิทธิภาพสูง ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และขุมพลัง VTEC TURBO 1.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับสนุกพร้อมตอบสนองทุกการเดินทาง และประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
มั่นใจทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอื่น ๆ* ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี** และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็น 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 –30 กันยายน 2566** ลูกค้าที่สนใจสามารถพบกับ “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566 หรือสัมผัสและทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ ฮอนด้า ซิตี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซิตี้คาร์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 800,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่อยู่ในใจลูกค้าเสมอมา ในวันนี้ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ปรับโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง โดยรุ่น e:HEV จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าได้อย่างไร้กังวล และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และรุ่น TURBO ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยการขับขี่ที่แรง เร้าใจ และสะดวกสบายเกินคลาส โดยทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมเทคโนโลยี
ความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งเมื่อลูกค้าได้สัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะต้องประทับใจในความครบครันของรถซิตี้คาร์รุ่นนี้อย่างแน่นอน”
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น
- ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
- รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
- ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
- รุ่น V ราคา 629,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่สุดของยนตรกรรมซิตี้คาร์ ที่จะทำให้ทุกวันของคุณสมบูรณ์แบบ
มาพร้อมคุณค่าที่ยกระดับซิตี้คาร์ไปอีกขั้น กับ 2 ขุมพลังทางเลือก เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์อีกทั้งยังขับสนุกและประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ ด้วยระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) มีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS ครบครันด้วยความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน เช่นกันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS* ดีไซน์ภายในกว้างขวาง โปร่งโล่ง เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมใหม่กับเส้นสายสีแดงภายใน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ที่เชื่อมต่อง่ายในไม่กี่ขั้นตอน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
ประสบการณ์สุดเร้าใจและท้าทายทุกการขับขี่ ด้วย 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน
- ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาทีและยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
- ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS)
พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF)
(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) - ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ลุคใหม่ กับความสปอร์ตพรีเมียมรอบคัน
- ภายนอก โดดเด่นเหนือระดับในทุกรายละเอียด
- กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
- กระจังหน้าโครเมียม
- ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- มือจับประตูด้านนอกโครเมียม (รุ่น SV และ e:HEV SV)
- กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ
- ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V) แบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)
- เสริมความสปอร์ตรอบคันยิ่งขึ้นและโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง กับรุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS
- กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS
- กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS
- สปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ตแบบ RS
- ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
- มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
- ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา
- ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV RS)
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา
- ล้ออัลลอยแบบทูโทนสไตล์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
สะดวกสบายไปอีกขั้น กับห้องโดยสารที่กว้างขวาง โปร่ง โล่งสบาย
- ภายใน
- วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน (เฉพาะรุ่น V) และสีดำ Piano Black (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)
- วัสดุหุ้มเบาะผ้า (เฉพาะรุ่น V) และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)
- มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
- ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้นกับรุ่น RS และรุ่น e:HEV RS
- วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก
- วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
- ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์* อาทิ
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ปุ่ม ECON
- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- กระจกมองหลังแบบตัดแสง
- แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
- ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
- พนักเท้าแขนด้านหน้า
- พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก
(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) - ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
- พร้อมด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยครบครัน* อาทิ
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)(รุ่น e:HEV RS)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ถุงลมคู่หน้า
- ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
- ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
- Walk Away Auto Lock)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง
เสริมความพรีเมียมด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “More Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว* ราคา 15,600 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท รวมทั้งอุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอย
ในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ สำหรับรุ่น TURBO ราคา 1,100 บาท, สำหรับรุ่น e:HEV ราคา 1,250 บาท
นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ได้แก่ Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือภายในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566 ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจาก
ที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดทาง www.honda.co.th/city โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2566 จะได้รับฟรี ขวดน้ำพับได้ มูลค่า 250 บาท**
นอกจากนี้ ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ฮอนด้ายังจัดแสดงยนตรกรรมไฮไลต์
รุ่นอื่น ๆ ในหลากหลายเซกเมนต์ เพื่อให้ลูกค้าเลือกเป็นเจ้าของได้ตามไลฟ์สไตล์ นำโดยไลน์อัปยนตรกรรม
ฟูลไฮบริด e:HEV ได้แก่ ซีอาร์-วี ใหม่ เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี และ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี และไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ ได้แก่ ซีอาร์-วี ใหม่ และ ซีวิค พร้อมด้วยรุ่นอื่น ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลายนำโดย
ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ และ บีอาร์-วี ใหม่