พร้อมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ความยั่งยืน

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส หนึ่งเดียวในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Leather Naturally องค์กรระดับโลกที่ส่งเสริมด้านการใช้เครื่องหนังจากธรรมชาติ โดยองค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือ เอ็นจีโอ (NGO) นี้ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้หนังที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนจากธรรมชาติเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน

ความร่วมมือครั้งใหม่กับ Leather Naturally ถือเป็นโครงการด้านสิ่งแวดล้อมล่าสุดของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ที่มีต่อกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่หรูหราและยั่งยืนของโลก โดยในปี 2564 เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Leather Working Group ซึ่งถือเป็นสมาชิกรายแรกจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมเครื่องหนัง

โดยเบนท์ลีย์ได้เปิดตัวเครื่องหนังที่มีความยั่งยืนเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งวัสดุหนังจากธรรมชาติผ่านกระบวนการฟอกหนังที่ใช้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์จากอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอก สำหรับหนังที่ฟอกจากของเสียที่สกัดออกมาในระหว่างขั้นตอนการผลิตน้ำมันมะกอกจะผลิตขึ้นโดยใช้สารฟอกหนังที่ปราศจากโลหะหนัก แร่ธาตุ และสารอัลดีไฮด์ที่เป็นอันตราย

Marc Stang ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการพัฒนาหนังและสี เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “วัสดุหนัง คือ ความหรูหราที่อยู่เหนือกาลเวลา สะท้อนถึงความสง่างาม ความทนทาน และคุณภาพของการตกแต่งภายในของรถยนต์เบนท์ลีย์ที่รังสรรค์ขึ้นจากงานฝีมือ การใช้วัสดุหนังของเบนท์ลีย์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายทศวรรษและยังสามารถยืนหยัดผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน การใช้หนังที่ยั่งยืนในครั้งนี้ทำให้ลูกค้าของเรามีตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น และยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ Beyond100 ของเราอีกด้วย”

Debbie Burton ประธาน Leather Naturally กล่าวเสริมว่า “Leather Naturally ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเบนท์ลีย์ให้เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กร ในฐานะแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั้งในด้านความหรูหราและเครื่องหนัง ความร่วมมือครั้งนี้จึงตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการส่งเสริมด้านความยั่งยืนและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านวิสัยทัศน์ Beyond 100” Leather Naturally มีสมาชิกจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยองค์กรใช้กิจกรรมด้านการศึกษาและการประชาสัมพันธ์ที่เน้นวัสดุหนังที่ทำจากหนังสัตว์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน