เอ็มจี เผยโฉม NEW MG EP รถยนต์ Station Wagon ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
บริษัทเอสเอไอซีมอเตอร์ – ซีพีจำกัดและบริษัทเอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยข้อมูลของรถยนต์รุ่นล่าสุด NEW MG EP รถสไตล์สเตชั่นแวกอนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย
ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” ที่พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับประเทศอีกครั้ง ด้วยการสร้างบรรทัดฐานให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยและให้สมรรถนะที่เหนือชั้น คุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้
รถยนต์เอ็มจีทุกคันล้วนเป็นรถที่มีความทันสมัย (Fashion) โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี (Science and Technology) และเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคา (Value for Money) ตั้งแต่การออกแบบ การคิดค้นนวัตกรรม สมรรถนะ ฟังก์ชั่น การใช้งาน และระบบความปลอดภัย เพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกสบายและคุ้มค่า
หลังจากที่เอ็มจีได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยและตอกย้ำการเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ทางเลือกด้วยการเปิดตัว NEW MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบรถยนต์ SUV สู่ตลาดเมืองไทยในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา และ NEW MG HS PHEV รถยนต์ Plug-in Hybrid ในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้จริง ล่าสุด บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่น คือ NEW MG EP ซึ่งเป็นรถยนต์ในรูปแบบ Station Wagon ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทยเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
นายพงษ์ศักดิ์เลิศฤดีวัฒนวงศ์รองกรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “เอ็มจี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต หรือ New Generation of Automotive วันนี้ เอ็มจี จึงมีแผนจะแนะนำ NEW MG EP รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” โดยเราวางตำแหน่งให้ NEW MG EP เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” สู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
(1) มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถ Station Wagon ที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ โดยเมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มที่พื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของได้เป็นอย่างดี
(2) ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย (Convenience & Safety) ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay พร้อมมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย โดยมีการทำงานผสานกันทั้งระบบ Active และ Passive Safety
(3) สมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ (Performance) จากแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle – NEDC) และมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
(4) ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
NEW MG EP มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight) โดยจะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นี้ พร้อมเปิดรับจองภายในงาน และโชว์รูมเอ็มจีทุกสาขาทั่วประเทศ
###
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ NEW MG EP
NEW MG EP: EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน
รถสไตล์ Station Wagon ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของเอ็มจีมีทุกสิ่งครบครันทุกอย่าง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของทุกคนออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ที่ให้ทั้งสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) พร้อมสำหรับทุกรูปแบบการใช้งานขับเคลื่อนได้ไกลประหยัดได้มากกว่ามีต้นทุนการบำรุงรักษาและต้นทุนการเป็นเจ้าของ (COST OF OWNERSHIP) ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
DIMENSION: นั่งสบายจุได้ทั้งคนและสัมภาระเด่นชัดเรื่องอรรถประโยชน์ในการใช้งาน
NEW MG EP โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ในสไตล์ Station Wagon ที่มีพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง เพื่อสามารถรองรับการใช้งานในจุดประสงค์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ โดยเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ทำให้มีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร
NEW MG EP มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille ที่ตกแต่งด้วยโครเมียมและ Piano Black ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ดีไซน์แบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
CONVENIENCE & SAFETY: ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
NEW MG EP ได้รับการตกแต่งภายในด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ดีไซน์เส้นสายแบบ CARBOXNYXE แสดงให้เห็นถึงความประณีตในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้าออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Anti-Curved Surface Design) ซึ่งโอบรับกับเส้นสายสรีระได้เป็นอย่างดี นั่งสบายตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก อาทิ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล (Digital Multi-Function Display) ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างสวยงามและชัดเจน พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล กระจกมองหลังตัดแสง กระจกไฟฟ้าแบบ One Touch Up-Down ด้านคนขับ ที่จะทำให้การใช้งาน มีความง่ายมากยิ่งขึ้น
NEW MG EP มาพร้อมการติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐาน โดยแต่ละระบบจะมีการทำงานผสานกัน ทำให้เกิดความปลอดภัยและมีความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทางหลังจาก ดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
PERFORMANCE: พละกำลังอัตราเร่งและระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion มีความจุรวมถึง 50.3 kWh ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ทดสอบ ตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle – NEDC) นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ NEW MG EP ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 พร้อมด้วยระบบ ระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ภายใต้สภาวะต่างๆ
ในด้านของสมรรถนะ NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport
NEW MG EP สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาทีซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่นอกจากนี้ ยังสามารถ ชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ
NEW MG EP ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม ทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่บนทุกสภาพถนน
LOW COST OF OWNERSHIP: ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
NEW MG EP มาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ได้จากการชาร์จผ่าน MG Home Charger ง่ายๆที่บ้าน โดยสามารถชาร์จจาก 0%-100% และมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 200 บาท*ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน 8,000 บาท อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว MG ยังนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module มาใช้ ในกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษานั้น สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะ Module นั้นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้