“NETA” แต่งตั้งผู้บริหารประจำประเทศไทย
เตรียมเปิดราคา NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไตรมาส 3 ของปีนี้
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ NETA AUTO ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ NETA จากประเทศจีน ประกาศแต่งตั้ง มร. อเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย (Mr. Alex – Bao Zhungfei) ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของ NETA ประจำประเทศไทย ตั้งเป้าแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่คนไทยสามารถเป็นเจ้าของได้จริง พร้อมเตรียมเปิดราคา NETA V ไตรมาส 3 ของปีนี้
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ NETA AUTO เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีนก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียมซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะเวลาเพียง 4 ปีของการดำเนินธุรกิจ โดยเปิดตัวแบรนด์ NETA ในเดือนมิถุนายน 2561 ก่อนจะแนะนำ NETA N01 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในเดือนพฤศจิกายน 2561 จากนั้นในปี 2563 ได้เปิดตัว NETA U และ NETA V และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเปิดตัว NETA S เป็นรุ่นล่าสุด โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายรถยนต์รวมกว่า 140,000 คัน อีกทั้งยังอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีนด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 362% ในปี 2564
NETA ได้เริ่มแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยเริ่มทำตลาดในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด (Neta Auto (Thailand) Co., Ltd. ) ซึ่งล่าสุดได้ประกาศแต่งตั้ง มร. อเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย (Alex Bao Zhungfei) ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งของไทยและของจีนเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของ NETA ประจำประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เทียบเท่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
มร. อเล็กซ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้คนทั่วทุกมุมโลกต่างตระหนักว่า New Energy หรือพลังงานใหม่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและเป็นองค์ประกอบหลักของกลยุทธ์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอนาคตซึ่งทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของพลังงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ โดยในส่วนของประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ในขณะที่กลุ่มตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าในประเทศก็เติบโตอย่างรวดเร็วจากการที่ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมทั้งมาตรการทางด้านภาษีและด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งนำมาสู่การปรับตัวของผู้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ผู้บริโภคก็เปิดรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน”
“จุดเด่นของ NETA คือ เทคโนโลยีอัจฉริยะและความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เราจึงต้องการให้คนไทยได้มีโอกาสใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีทีทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน NETA มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง B เซกเมนท์ รถยนต์ในกลุ่ม SUV รวมไปถึงรถยนต์ซีดานซึ่งมีแผนจะนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยอย่างแน่นอน โดยเริ่มจากการแนะนำรถยนต์ในกลุ่ม B เซกเมนท์ คือ NETA V ที่จะเปิดราคาอย่างเป็นทางการในไตรมาสสามของปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้านครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการขาย และด้านการบริการหลังการขายเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในประเทศไทย NETA ยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่จะสนับสนุนด้านการผลิตรวมไปถึงความพร้อมด้านระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าของเราอย่างเต็มที่เพื่อรองรับกับความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าคนไทยของเรา ” มร. อเล็กซ์ กล่าว
เกี่ยวกับ มร. อเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย (Mr. Alex Bao Zhungfei)
มร. อเล็กซ์ จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University) นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่า 15 ปี จากการร่วมงานกับแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจในจีนรวมไปถึงแบรนด์รถยนต์จีนที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศซึ่งรวมไปถึงประเทศไทยกว่า 7 ปี และในยุโรป 1 ปี โดยมีความชำนาญด้านการจัดการด้านการขายและพัฒนธุรกิจต่างประเทศ รวมทั้งมีประสบการณ์กับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งตลาดในประเทศไทยและยุโรปนับตั้งแต่ปี 2019 ทั้งนี้ มร. อเล็กซ์ สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษาโดยสามารถอ่านและพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว รวมทั้งสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลีได้เป็นอย่างดี