มาสด้าผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ประกาศความสำเร็จในการครองใจลูกค้าชาวไทย ด้วยการก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดรถอเนกประสงค์    เอสยูวี โดยยอดขายในเดือนเมษายนที่ผ่านมามาสด้าสามารถคว้ายอดขายสูงสุดมาครองเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ ด้วยยอดขายรวมในเซ็กเม้นต์นี้สูงถึงเกือบ 500 คัน ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการพัฒนายนตรกรรมเพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีอันตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย และมีภาพลักษณ์ที่โดนใจลูกค้าจนสามารถก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้มาครองตามปณิธานที่ตั้งไว้ พร้อมกับขอบคุณลูกค้าทันทีที่เชื่อมั่นในคุณภาพของรถยนต์มาสด้าโดยออกรถวันนี้ขับฟรี 3 เดือน

นายชาญชัยตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตามที่มาสด้าเคยตั้งปณิธานในการมุ่งก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยการส่งรถยนต์ในตระกูล CX Series ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องถึง 4 รุ่น ประกอบด้วย CX-3 ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในตลาด CX-8 ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมแบบที่นั่ง 3 แถว และ CX-30 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์ที่เติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าโดยสามารถทำยอดขายรวมได้สูงที่สุดในตลาด ทำให้มาสด้าสามารถบรรลุความมุ่งหมายและก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีได้สำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

โดยภาพรวมตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ยอดรวมอยู่ที่ประมาณ 2,500 คัน (ไม่รวมรถประเภท PPV) ซึ่งมาสด้าสามารถสร้างยอดขายได้มากที่สุดในตลาดถึง 469 คัน โดยแบ่งออกเป็นรถ CX-30 จำนวน 346 คัน, CX-3 จำนวน 31 คัน, CX-5 จำนวน 59 คัน และ CX-8 จำนวน 33 คัน ตามลำดับ จากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้มาสด้าก้าวขึ้นครองอันดับ 1 ตลาดรถอเนกประสงค์ SUV สัญชาติญี่ปุ่นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

กลยุทธ์สำคัญในปีนี้ มาสด้าจะยังคงผลักดันแบรนด์สู่การเป็นผู้นำรถอเนกประงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นปรับโฉมใหม่ในตระกูลครอสโอเวอร์ อาทิ Mazda CX-3 ที่กำลังจะได้รับการยกระดับและปรับภาพลักษณ์ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งลูกค้าสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้เร็วๆ นี้

“ทั้งนี้จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นท่ามกลางความห่วงใยและความทุ่มเทของทุกภาคส่วน เพื่อให้ชาวไทยก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน มาสด้าขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า ที่ล้วนแล้วแต่เป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนายนตรกรรมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้ มาสด้าจะยังมุ่งมั่นสานต่อปณิธานในการมุ่งสู่การเป็นผู้นำรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ ด้วยการพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในตระกูล CX Series ที่ตอบโจทย์การใช้งานควบคู่ไปกับการยกระดับการให้บริการหลังการขายให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามาสด้าจะดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีที่สุดและยืนหยัดอยู่เคียงข้างสังคมไทยตลอดไป” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสยนตรกรรมจากมาสด้าได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือผ่านทาง www.mazda.co.th พร้อมรับข้อเสนอและสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และขยายการรับประกันคุณภาพสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.* อีกทั้งสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์มาสด้า SKY Booking ได้อีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย

เนื่องในโอกาสที่มาสด้าก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี มาสด้าขอขอบคุณลูกค้าด้วยแคมเปญสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อและออกรถภายในเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น อาทิ

Mazda2 ขับฟรี 90 วัน¹ พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ²

Mazda3 ดอกเบี้ย 1.99%³ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี² 

ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร⁴ 

Mazda CX-3 รับส่วนลดทันที 100,000 บาท⁵ 

ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี² 

Mazda CX-30 ดอกเบี้ย 1.99%³ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี² 

ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร⁴

Mazda CX-5 ดอกเบี้ย 0%⁶ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี²  

ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร⁴ ฟรี Mazda Care Program 5 ปี⁷

Mazda CX-8 ดอกเบี้ย 1.99%³ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี² 

ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร⁴

Mazda BT-50 Pro ขับฟรี 90 วัน⁸  ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี²

Mazda MX-5 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี² 

ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร⁴