เชียงราย-เชียงแสน

Honda พาสื่อมวลชน ทดสอบสมรรถนะHonda Civic e:HEV RS เส้นทางเชียงราย-เชียงแสน ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่า รถพลังงานพลังไฮบริด จะสู่ 1.5 เทอร์โบ ได้หรือไม่ ซึ่ง ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น eHEV RS และรุ่น e:HEV EL+ ราคา แต่คันที่เราจะลองขับในทริปนี้จะเป็นรุ่นHonda Civic e:HEV RS โดยรุ่นนี้จะเข้ามาแทนที่ Honda Civic 1.5 Turbo RS ที่ยกเลิกการจำหน่ายไปแล้ว

เรามาดูกันที่ภายนอกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินหรือไม่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exhilarating Civic” เช่นเดียวกับฮอนด้า ซีวิค เทอร์โบ เจเนอเรชันที่ 11 จุดสังเกตุที่โดดเด่นคงเป็น H Mark ที่ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ย้ำความเป็นยนตรกรรมไฮบริด กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม เส้นสายมีการเสริมเส้นโครเมียมบริเวณคิวขอบกระจกด้านบน มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม ท่อไอเสียเปลี่ยนจากท่อออกคู่เป็นท่อออกเดียว ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว และสปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย

ภายในยังเหมือนกับรุ่น 1.5 Turbo RS ที่เน้นการตกแต่งออกแนวสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง และหนังกลับ เดินตะเข็บด้ายสีแดงเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light สีแดง ระบบสตาร์ทรถด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start กุญแจแบบการ์ด Honda Smart Key Card ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เฉพาะรุ่น e:HEV RS เหมือนเดิม

แต่มีการเสริมฟรังชั่นในการโชว์ระบบขับเคลื่อน

และจุดเด่นที่ฮอนด้าทำในทุกรุ่น คือการจัดการกลับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารได้ดี คือเบาะหลังพับได้ 60 : 40 เฉพาะรุ่นเฉพาะรุ่น อี:เอชอีวี อาร์เอส ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) ครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Andriod Auto และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และ ฮอนด้า คอนเนค เฉพาะรุ่น อี:เอชอีวี อาร์เอส

ซีวิค อี:เอชอีวี คันนี้ใช้พลังแบบฟูลไฮบริดผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ทำให้อัตราเร่งช่วงออกตัวทำได้ดีตามสไตล์รถไฮบริด ช่วงกลางยังคงมาต่อเนื่องขับสนุกและแรง ในถนนแบบขึ้นเนินลงเนินบ้างแบบนี้ถือว่าซิ่งได้อย่างสบายๆ ระบบช่วงล่างยังคงใช้ด้านหน้า McPherson Strut อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็น Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่าง ดูดซับแรงสั่นซะเทือนได้ดีมาก อาจมีย้วยๆด้านหน้ามาก อาจเนื่องจากตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 100 กิโลกลัม จากแบตเตอร์รี่ แต่ก็ยังสามมารถควบคุมรถได้ดี กดคันเร่งต่อเนื่องความเร็วเพิ่มขึ้นแบบทันใจ เสียงลมถือว่าเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก แต่มีเสียงสังเคราะห์ทำให้ขับสนุกและเร้าใจมากขึ้น

ที่ผมชอบคงไม่พ้นเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำได้แม่นยำมากๆ อีกทั้งครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ รวมๆ แล้วเส้นทางระหว่างเชียงรายถึงอำเภอเชียงแสนนี่ได้ทดสอบ กันครบๆเลยทีเดียว
และเมื่อเราเอามาเทียบกับเครื่องยนต์ 1.5 Trubo รูปลักษณ์ภายนอก และภายใน แทบจะดูได้ออก และไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบระบบส่งกำลังของได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งในส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์และการควบคุมการทำงานของระบบฟูลไฮบริด e:HEV ให้ดีขึ้น ต้องบอกว่าแรงซะใจแน่นอน ขับสนุกแถมยังประหยัดน้ำมัน