The new E-Class:
Launch Edition
The new E-Class ยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการออกแบบ เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม มาพร้อมรหัสตัวถัง W214 ชูความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา และขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ทุกความทันสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVOLVES WITH YOU” พร้อมเปิดตัวในประเทศไทย 2 รุ่น โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล “E 220 d AMG Line” และขุมพลัง Plug-in Hybrid “E 350 e AMG Dynamic”
ในด้านสมรรถนะ E 220 d AMG Line ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี มอบกำลังแรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับ 48V electrical system (ISG2) 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ส่วน E 350 e AMG Dynamic ผสานขุมพลังการขับเคลื่อนในรูปแบบรถปลั๊กอินไฮบริดผ่านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.5 วินาที ในด้านของแหล่งพลังงาน ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 25.4 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
ทั้งคู่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบรอบคันด้วย AMG Bodystyling ที่มอบความดุดันตามแบบฉบับของ AMG พร้อมระบบปิดประตูแบบ Soft Close ทางด้านของ E 220 d AMG Line มาพร้อมไฟหน้า LED high-performance ทำงานร่วมกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist มอบความสะดวกสบายด้วย KEYLESS-GO Comfort Package ที่สามารถควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟน ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ผสานการทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทกและทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น ส่วน E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสง ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสารในทุกเส้นทาง ด้านบนมีการติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และยกระดับเทคโนโลยีด้วย Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรดและเสียงสะท้อนจากภายนอก ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีการลดอากาศหมุนวนบริเวณด้านข้างล้อ เพื่อทุกการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพและความปลอดภัยขั้นสูง
ภายในห้องโดยสารของทั้งสองรุ่นมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package ที่เน้นความสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ควบคุมทิศทางการขับขี่ด้วยพวงมาลัย Multifunction sports steering เสริมความลักชัวรี่ด้วยเบาะหนังสีดำ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงานหรือเพิ่มความบันเทิง ติดตั้งจอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่พิเศษ 14.4 นิ้ว บริเวณแผงคอนโซลกลาง และจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณผู้โดยสารตอนหน้า ให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างครบครัน โดยมีการปรับปรุงให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมระบบ AI ที่จะเรียนรู้และปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของรถยนต์ให้เข้ากับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้ขับขี่ ทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL ที่สามารถปรับทิศทางลมได้อย่างอิสระ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่พร้อมจะมอบความสะดวกสบายอันเหนือระดับไว้อย่างเต็มพิกัด
ส่วนในด้านเทคโนโลยีและความบันเทิงE 220 d AMG Line โดดเด่นด้วยไฟเรืองแสง Ambient Lightning Plus กว่า 64 เฉดสี ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศของห้องโดยสารได้อย่างรื่นรมย์ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ MBUX Augmented Reality สําหรับแผนที่นําทาง ทางด้านE 350 e AMG Dynamic มาพร้อม Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศเสมือนมีลมธรรมชาติภายในห้องโดยสาร พร้อมเทคโนโลยีHead-up display ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนทั้งยังมอบความพิเศษด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 4D Surround Sound System พร้อมลำโพง 21 ตัว ผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ฟังเสียงอย่างคมชัดสมจริงราวกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ และไฟรอบห้องโดยสารแบบ Active Ambient Lighting ที่สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารให้เป็นไปตามจังหวะเพลง ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในทุกอารมณ์
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package Plus ในรถยนต์ทั้งสองรุ่นอย่างครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรงหักหลบสิ่งกีดขวางระยะกระชั้นชิด (Evasive Steering Assist) ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) เป็นต้น
E 220 d AMG Line เปิดราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว
(Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid)
E 350 e AMG Dynamic เปิดราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (Graphite Grey)